เติมลมยางรถยนต์ ต้องเติมเท่าไหร่ถึงจะดี? คู่มือครบจบในบทความเดียว

เผยแพร่โดย เมื่อ

Editors%2 Fimages%2 F1764235261696 1764235261696

(เครดิตรูปภาพ: freepik)

การเติมลมยางรถยนต์อาจดูเป็นเรื่องเล็กน้อย แต่กลับส่งผลโดยตรงต่อความปลอดภัยในการขับขี่และอายุการใช้งานของยางรถ หลายคนยังสงสัยว่าควรเติมลมยางเท่าไหร่ถึงจะเหมาะสม และทำไมความดันลมยางถึงสำคัญขนาดนั้น บทความนี้จะพาคุณทำความเข้าใจเกี่ยวกับแรงดันลมยางที่เหมาะสมสำหรับรถแต่ละประเภท พร้อมเคล็ดลับการดูแลรักษาที่ควรรู้ให้คุณเอง!

ทำไมต้องสนใจเรื่องความดันลมยาง?

ความดันลมยางที่เหมาะสมไม่เพียงแค่ช่วยให้รถวิ่งได้ดีขึ้น แต่ยังส่งผลต่อหลายปัจจัยสำคัญ ได้แก่

  • ความปลอดภัย: ลมยางที่เหมาะสมช่วยเพิ่มการเกาะถนน ลดระยะการเบรก และป้องกันอุบัติเหตุจากยางระเบิด

  • การประหยัดน้ำมัน: ลมยางที่น้อยเกินไปทำให้รถเปลืองน้ำมันมากขึ้น เนื่องจากเพิ่มแรงต้านการหมุนของล้อ

  • อายุการใช้งานของยาง: ความดันลมที่ไม่เหมาะสมทำให้ยางสึกหรอไม่สม่ำเสมอและเสื่อมสภาพเร็วกว่าปกติ

  • ประสิทธิภาพการขับขี่: แรงดันลมที่ถูกต้องช่วยให้รถควบคุมได้ง่าย รับน้ำหนักได้ดี และขับสนุกขึ้น

เติมลมยางรถยนต์เท่าไหร่ถึงจะเหมาะสม?

ความดันลมยางที่เหมาะสมขึ้นอยู่กับประเภทของรถและน้ำหนักที่บรรทุก โดยทั่วไปแบ่งได้ดังนี้

  1. รถเก๋งขนาดเล็ก

ควรเติมแรงดันลมยางอยู่ที่ 25-30 ปอนด์ต่อตารางนิ้ว (PSI) เหมาะสำหรับรถอย่าง Honda City, Toyota Yaris, Mazda2 หรือรถซีดานขนาดเล็กทั่วไป

  1. รถเก๋งขนาดกลาง

ควรเติมแรงดันลมยางอยู่ที่ 30-35 PSI เหมาะกับรถอย่าง Toyota Camry, Honda Accord, Mazda3 หรือ SUV ขนาดเล็กถึงกลาง

  1. รถกระบะ (ไม่บรรทุกของ)

ควรเติมแรงดันลมยางอยู่ที่ 35-40 PSI สำหรับรถกระบะอย่าง Ford Ranger, Toyota Hilux Revo, Mitsubishi Triton เมื่อขับโดยไม่มีการบรรทุกของหนัก

  1. รถตู้หรือรถบรรทุก 7-10 คน

ควรเติมแรงดันลมยางอยู่ที่ 43-55 PSI เหมาะสำหรับรถตู้อย่าง Toyota Commuter หรือรถ MPV ขนาดใหญ่

หมายเหตุสำคัญ: การเติมลมควรขึ้นอยู่กับน้ำหนักที่บรรทุก และควรเป็นไปตามคู่มือการใช้รถแต่ละรุ่น คุณสามารถตรวจสอบค่าแรงดันลมยางที่แนะนำได้จากสติกเกอร์ที่ติดอยู่ด้านข้างประตูรถด้านคนขับหรือในคู่มือรถ

อันตรายของการเติมลมยางไม่ถูกต้อง

  • เติมแรงดันลมยางมากเกินไป

ความยืดหยุ่นในการเกาะถนน การเข้าโค้ง และการเบรกจะน้อยลง นอกจากนี้ยังทำให้รถสั่นสะเทือนมากขึ้น รู้สึกไม่สะดวกสบายในการขับขี่ และเสี่ยงต่อการระเบิดของยางเมื่อขับด้วยความเร็วสูง

  • เติมลมยางน้อยเกินไป

จะสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงมากกว่าปกติ ยางจะสึกหรอเร็วกว่าปกติโดยเฉพาะบริเวณขอบยาง และทำให้ควบคุมรถได้ยากขึ้นโดยเฉพาะเวลาเข้าโค้ง

วิธีการเช็กลมยางที่ถูกต้อง

การเช็กลมยางควรทำเป็นประจำอย่างน้อยเดือนละครั้ง หรือก่อนเดินทางไกล โดยมีขั้นตอนดังนี้

  1. เช็กเมื่อยางเย็น: ควรตรวจสอบแรงดันลมยางเมื่อรถจอดทิ้งไว้อย่างน้อย 3 ชั่วโมง หรือก่อนขับไม่เกิน 1-2 กิโลเมตร เพราะยางที่ร้อนจะมีแรงดันสูงกว่าปกติ

  2. ใช้เครื่องวัดที่แม่นยำ: ควรใช้เครื่องวัดความดันลมยางที่มีคุณภาพ ไม่ควรประเมินด้วยสายตาเพียงอย่างเดียว

  3. เช็กทั้ง 4 ล้อพร้อมกัน: รวมถึงยางอะไหล่ด้วย เพราะแรงดันลมในแต่ละล้อควรสม่ำเสมอกัน

  4. ปรับแรงดันให้เหมาะสม: หากลมยางไม่ถึงค่ามาตรฐาน ให้เติมเพิ่ม หากมากเกินไปให้ปล่อยลมออกบางส่วน

เคล็ดลับการดูแลยางรถยนต์

  • หมั่นตรวจสอบเป็นประจำ: นอกจากเช็กลมยางแล้ว ควรตรวจสอบร่องยางและสภาพผิวยางด้วย

  • หมุนสลับยาง: ควรหมุนสลับตำแหน่งยางทุก 10,000-15,000 กิโลเมตร เพื่อให้ยางสึกหรอสม่ำเสมอ

  • ตั้งศูนย์ล้อ: หากรถเบี่ยงในขณะขับควรไปตั้งศูนย์ล้อเพื่อป้องกันการสึกหรอผิดปกติ

  • หลีกเลี่ยงการขับผ่านหลุมหรือสิ่งกีดขวาง: เพื่อป้องกันความเสียหายต่อยางและกันชนล้อ

สรุป

การเติมลมยางรถยนต์ให้เหมาะสมเป็นเรื่องที่ไม่ควรมองข้าม เพราะส่งผลโดยตรงต่อความปลอดภัย ประสิทธิภาพการขับขี่ และค่าใช้จ่ายในระยะยาว แรงดันลมยางที่เหมาะสมจะแตกต่างกันไปตามประเภทของรถและน้ำหนักที่บรรทุก ดังนั้นควรตรวจสอบคู่มือรถหรือสติกเกอร์ข้อมูลที่ประตูรถเพื่อความแม่นยำ หมั่นเช็กลมยางเป็นประจำและดูแลรักษาอย่างสม่ำเสมอ จะช่วยให้คุณเดินทางได้อย่างปลอดภัยและประหยัดมากขึ้นนั่นเอง

รับสิทธิ์ประเมินราคารถฟรีวันนี้!

อ่านเพิ่มเติม: รับซื้อรถยนต์มือสอง ทุกรุ่น ทุกยี่ห้อ ให้ราคาสูง ภายใน 24 ชั่วโมง


ต้องการ ราคาประเมินรถ? สามารถติดต่อเราเพื่อรับการประเมินราคารถฟรี ภายใน 24 ชั่วโมงได้เลย…

0 ความคิดเห็น